โรงหนังตะลุง
ต้องยกเสา ๔ เสา (ใช้ไม้ค้ำเพิ่มจากเสาได้) ขนาดโรงประมาณ ๒.๓ X ๓ เมตร
พื้นยกสูงเลยศีรษะผู้ใหญ่เล็กน้อย และให้ลาดต่ำไปข้างหน้านิดหน่อย หลังคาเป็นแบบเพิงหมาแหงน
กั้นด้านข้างและด้านหลังอย่างหยาบๆ ด้านหลังทำช่องประตูพาดบันไดขึ้นโรง
ด้านหน้าใช้ผ้าขาวบางขึงเป็นจอ จอกว้างและยาวประมาณ ๕ x ๑๐ ฟุต ในโรงมี
ตะเกียงน้ำมันไขสัตว์หรือตะเกียงน้ำมันมะพร้าว หรือตะเกียงเจ้าพายุหรือดวงไฟแขวนไว้ใกล้จอสูงจากพื้นราว
๑ ฟุตเศษและห่างจากจอราว ๑ ศอก นอกจากนี้ยังมีต้นกล้วยวางไว้ข้างฝาทั้งสองข้างของโรง
เพื่อไว้ปักพักรูปหนัง ประเภทรูปเบ็ดเตล็ด ส่วนบนเพดานโรงจะมีเชือกขึงไว้สำหรับแขวนรูปหนังประเภทรูปที่สำคัญซึ่งมีรูปพระ
รูปนาง เป็นต้น สำหรับจอหนัง ทำด้วยผ้าขาว รูปสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ ๑.๘
x ๒.๓ เมตรทั้ง ๔ ด้านมอบริมด้วยผ้าสี เช่น แดง น้ำเงิน ขนาดกว้าง ๔-๕
นิ้ว มีห่วงผ้าเรียกว่า หูรามเย็บไว้เป็นระยะโดยรอบ หูรามแต่ละอันจะผูกเชือกยาวประมาณ
๒ ฟุต ๕ นิ้ว เรียกว่า หนวดราม สำหรับผูกขึงไปประมาณ ๑ ฟุตจะตีตะเข็บนัยว่าเป็นเส้นแบ่งแดนกับแดนมนุษย์
เวลาเชิดรูปมีเฉพาะรูปฤาษี เทวดา และรูปที่มีฤทธานุภาพเท่านั้นที่เชิดเลยเส้นนี้ได้
ความเชื่อในการสร้างโรงหนังตะลุง
๑.ห้ามสร้างโรงแสดงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ว่ากันว่าหนังคณะใดแสดงหันหน้าโรงไปทางทิศตะวันตก
จะไม่มีความเจริญ ชื่อเสียงจะตกต่ำ เหมือนดวงอาทิตย์ลับฟ้ามีแต่ความมืด
๒.ห้ามสร้างโรงแสดงใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น ตามลัทธิของพราหมณ์มีความเชื่อกันว่า
เทวดาและเทพารักษ์อยู่อาศัย สร้างโรงหนังตะลุงแสดงใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นการรบกวนเทพ
๓.ห้ามสร้างโรงหนังตะลุงคร่อมทางเดิน และทางน้ำไหล มีความเชื่อกันว่า
ทางเดินก็ดี ทางสายน้ำไหลก็ดี เวลากลางคืนมีพวกผีเดิน จะเป็นการขัดขวางทางเดินของพวกผี
๔.งานพิธีมงคลสมรส จะแสดงกี่คืนก็ได้ แต่คืนทำพิธีมอบสาดเรียงหมอนห้ามแสดง
(เรียกว่าหลวงบ่อ) หนังตะลุงคณะใดแสดงคืนนี้มีความเชื่อกันว่าอุบาทว์แก้ไม่หาย
๕.งานศพก็แสดงได้ วันที่ห้ามแสดงคือวันเผาศพ กล่าวคือ
วันเผาศพวันไหน ค่ำคืนนั้นจะห้ามแสดงหนังตะลุง การเผาศพของชาาวใต้ สมมุติวันนี้เป็นวันเผา
วันรุ่งขึ้นก็มีการพิธีดับธาตุ หนังตะลุงที่แสดงวันเผาศพก็จะถูกดับธาตุไปด้วยในวันรุ่งขึ้น
หนังตะลุงคณะใดแสดงวันเผาศพจะไม่มีความเจริญหรืออาจจะต้องเลิกแสดงหนังตะลุงไปตลอดชีวิต
๖.ห้ามหนังตะลุงแสดงแก้บน วันขึ้นแรม ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ
(วันพระ) หนังตะลุงคณะใดแสดงแก้บนวันที่กล่าวมานี้ มีความเชื่อกันว่าแก้บนไม่ขาด
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือศีล ไม่มารับเครืองสังเวย
๗.โรงหนังตะลุงที่ดีเหมาะสมกับการแสดง ต้องหันหน้าโรงไปทางทิศตะวันออกและทิศใต้
ก็ที่มีความเชื่อดังนี้ คงจะเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศด้วย กล่าวคือ ฤดูการแสดงหนังตะลุงก็คือเวลาว่างจากการประกอบอาชีพทำไร่ทำนา
ไม่มีฝนตกทางภาคใต้ เมื่อไม่มีฝน ลมจะพัดมาทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก เสียงที่ดังออกจากโรงหนังจะดังตามกระแสลมไปไกล
ทำให้ผู้ฟังหน้าโรงฟังได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เวลาประชันกัน ๒ หรือ ๓ คณะ ถ้าโรงหนังตะลุงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก
โรงที่ดีคือโรงทางทิศเหนือ จะได้เปรียบทางทิศใต้ เสียงทางโรงทิศเหนือลมจะช่วยพาไปรบกวนโรงทางทิศใต้
โดยที่เสียงโรงทางทิศใต้จะไม่ทวนกระแสลมไปรบกวนโรงทางทิศเหนือ
ถ้าโรงหนังหันหน้าไปทางทิศเหนือหรือทิศใต้เวลาประชันกัน
โรงที่อยู่ทางทิศตะวันตกจะดีกว่าโรงที่อยู่ทางทิศตะวันออก เพราะลมจะช่วยพาเสียงจากโรงที่อยู่ทางทิศตะวันตก
รบกวนโรงที่อยู่ทางทิศตะวันออก เหมือนกับเสียงทางทิศเหนือรบกวนโรงทางทิศใต้
นอกจากความเชื่อที่กล่าวมาแล้ว คณะหนังตะลุงในสมัยโบราณ
ยังมีความเชื่อปลีกย่อยเกี่ยวกับศาสนา และทางโหรศาสตร์อีกมากมาย ความเชื่อและประเพณีการแสดงหนังตะลุง
ถ้าเรามองให้ลึก ศึกษาให้ดี จะเห็นว่าเกี่ยวกับศีลธรรม สังคม ขีวิตประจำวัน
ของมนุษย์เราทั้งสิ้น
จากหนังสือ
ความรู้เรื่อง"หนังตะลุง" อนุสรณ์งานพระราชทางเพลิงศพ
อาจารย์พ่วง บุษรารัตน์ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๑