เฆี่ยนพราย เป็นการรำประกอบพิธีไสยศาสตร์ของโนรา รำเฉพาะโอกาสที่มีการแข่งขันกับโนราคณะอื่นเท่านั้น
เป็นทำนองตัดไม้ข่มนามโนราฝ่ายตรงข้ามและเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคณะของต้น
การแข่งขันโนราในสมัยก่อน โนราแต่ละฝ่ายจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้ได้
นอกจากจะเอาชนะกันด้วยความสามารถในการแสดงแล้วมีทางอื่นที่จะช่วยให้เอาชนะได้ก็จะทำ
โดยเฉพาะการใช้ไสยศาสตร์ การรำเฆี่ยนพรายก็เป็นส่วนหนึ่งของพิธีไสยศาสตร์
ผู้รำคือหัวหน้าคณะหรือที่เรียกว่า "โนราใหญ่" ขณะรำจะมีหมอไสยศาสตร์ที่เรียกว่า
"หมอกบโรง" ทำพิธีไปพร้อมๆกัน
เมื่อดนตรีโนราทำเพลงเชิด หมอกบโรงถือหม้อน้ำมนต์
ไม้หวายเฆี่ยนพราย มะนาว 3 ผล และ ใบตองหรือกระดาษ เดินนำหน้าโนราใหญ่ออกมาถึงกลางโรง
หมอนั่งลงบริกรรมคาถาลงขระที่ไม้หวายเฆี่ยนพราย เอายอดใบตองหรือกระดาษมาเขียนชื่อโนราใหญ่ที่เป็นคู่แข่ง
ลงยันต์ม้วนให้กลมหักหัวท้าย แล้วใช้ด้ายผูกมัดเหมือนตราสังข์ สมมุติเป็นรูปร่างของตัวโนราคู่แข่งวางรูปนั้นลงบนพื้นโรง
ขณะที่หมอทำพิธีอยู่นั้น โนราใหญ่รำท่าเพลงโค ซึ่งมีลีลาสง่างามมีอำนาจและเคร่งขรึม
รำไปสักครู่หมอจะวางไม้หวายเฆี่ยนพรายลงกลางโรง โนราใหญ่แอ่นหลังจนศรีษะจรดพื้นเอาปากคาบไม้หวายนั้นได้แล้วก็รำเวียนรูปนั้นไปรอบๆ
รำชี้มือไปยังโนราฝ่ายตรงข้ามเรียกจิตวิญญาณให้มาสิงที่รูป ชี้รูปแล้วใช้ไม้หวายเฆี่ยนรูปนั้น
พร้อมกระทืบเท้า ทำเช่นนี้จนครบ 3 ครั้ง สมมุติว่าโนราฝ่ายตรงข้ามตาย โนราพร้อมลูกคู่ก็ยืนล้อมรูปที่ถูกเฆี่ยนด้วยอาการสำรวม
แล้วกล่าวบทอนิจจังเบาๆ จากนั้นหมอจะรับไม้หวายเฆี่ยนพรายไว้ โนราใหญ่จะรำเหยียบลูกมะนาวต่อกันไปเลย
โดยสมมุติว่ามะมาวเป็นหัวใจของโนราฝ่ายตรงข้าม ภาวนาคาถาเรียกวิญญาณโนราฝ่ายตรงข้ามให้เข้ามาสิงอยู่กับมะนาวนั้น
นำมะนาวทีละผลมาหมุนกลางโรงให้โนราใหญ่เหยียบ โนราใหญ่จะรำและหาจังหวะเหยียบมะนาวนั้นให้แตก
ทำเช่นนี้จนเหยียบมะนาวหมดทั้ง 3 ผล การเหยียบต้องระวังมาก เชื่อว่าถ้าเหยียบพลาดหรือเหยียบไม่แตก
การแข่งขันครั้งนั้นจะเอาชนะโนราฝ่ายตรงข้ามได้ยาก แต่การเหยียบลูกมะนาวนี้
โนราบางคณะบางคนจะเหยียบเพียง 2 ผล เท่านั้น อีกผลหนึ่งจะขว้างไปยังโนราฝ่ายตรงข้าม
ก่อนขว้างจะรำชี้ไปก่อน โนราชี้ไปทางไหน คนดูจะแยกออกเป็นแนวโล่งตลอด ไม่กล้ายืนขวางทางที่โนราชี้เพราะเกรงจะถูกอาคม
เมื่อเหยียบลูกมะนาวเสร็จก็รำไปนั่งพักที่พัก (ที่กลางโรงโนรา ทำด้วยไม้ไผ่)
เป็นอันเสร็จพิธีการรำเฆี่ยนพราย จากนั้นก็จะเป็นการรำชุดอื่นซึ่งไม่เกี่ยวกับพิธีไสยศาสตร์แต่อย่างใด
สมัยก่อนเมื่อมีการแข่งโนราจะต้องรำเฆี่ยนพรายเสมอ
เพราะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับโนราในคณะ บางครั้งว่ากันว่าการเฆี่ยนพรายมีผลทันตาเห็น
เช่น พอเฆี่ยนพรายและเหยียบลูกมะนาวเสร็จ โนราฝ่ายตรงข้ามก็มีอันเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่งจนไม่สามารถรำได้
การรำเฆี่ยนพรายจึงเป็นเรื่องที่ขลังและน่ากลัว
อย่างไรก็ตามสมัยหลังๆ ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ได้เสื่อมคลายลง
การแข่งโนราก็ไม่คือเป็นเรื่องจริงจังชนิดถึงขั้น "แพ้ไม่ได้"
อย่างสมัยก่อน การรำเฆี่ยนพรายจึงรำกันน้อยลงเรื่อยๆ ปัจจุบันโนรารุ่นใหม่น้อยคนนักที่จะรำเฆี่ยนพรายได้ทั้งๆ
ที่การรำชุดนี้งามสง่ามาก
ข้อมูล
: จรัสศรี รักพรหม นสพ.แหลมไท